หลังพบพิรุจทุจริตใน กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในการแถลงข่าวของอดีต ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ประเด็นที่ 1 : จะนำหลักฐาน และพยานที่เคยขึ้นเบิกความในชั้นศาลและพยานหลักฐานมูลเหตุจูงใจที่ ถูกอดีตอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาลกล่าวหาว่า ตบทรัพย์จำนวน 5 ล้านบาท โดยไม่มีหลักฐาน ตามที่เคยอ้างกับสื่อมวลชน ว่ามีคลิปเสียง และมีพยาน แต่เมื่อขึ้นเบิกความกลับไม่มีพยานหลักฐานตามที่กล่าว ทำให้ อดีต ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ถูกสังคมตราหน้าว่าทุจริตจริง รวมไปถึงมูลเหตุจูงใจที่ทำให้ อดีตกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กล่าวหาว่าตบทรัพย์ เพราะ อดีตส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ตั้งข้อสังเกตการใช้ งบประมาณของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ว่าทำไมคิดค่าขุดเจาะน้ำบาดาลต่อบ่อตั้ง 171,000 บาท ต่อหลุม ทั้งๆที่รถเจาะก็เป็นของหลวง คนไปเจาะก็เป็นเจ้าหน้าที่ของกรมฯ ที่มีเงินเดือน อยู่แล้ว และยังสามารถเบิกค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าที่พักได้อีก จึงขอแบบแปลน และประมาณราคามาตรวจสอบ แต่กรมฯก็ไม่เคยส่งแบบแปลนและประมาณราคาดังกล่าวให้

นายศักดาฯ ตอบคำถามของอดีต ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ไม่ได้ จึงพูดขู่ในที่ประชุมว่า ”ท่านพูดอะไรกับผม ผมอัดเทปไว้หมดนะครับ” หลังจากนั้น นายศักดาฯ ก็ได้โวยวายต่อที่ประชุมว่า เรื่องนี้ไม่จบหรอกเพราะ เมื่อวานมี อนุกรรมาธิการ ตบทรัพย์ตน 5 ล้านบาท จึงทำให้ที่ประชุม ไม่สามารถพิจารณางบประมาณต่อไปได้ จากนั้น ส.ส.ศรัณวุต ศรัณย์เกต ก็ได้ลุกขึ้นพูดในที่ประชุมว่าแบบนี้ยอมไม่ได้ต้องไปแถลงข่าว จากนั้น ส.ส.ศรัณย์วุตฯ ก็ได้เดินออกไป นอกห้องประชุมกับนายศักดาฯ แต่ก็ไม่ได้มีการแถลงข่าว เพราะนายศักดาฯ บอก ส.ส.ศรัณย์วุตฯ ว่าแค่ขู่ไม่มีคลิปจริง

ต่อมาวันที่ 10 สิงหาคม 2563 นายศักดาฯ ทำรายงานต่อปลัดกระทรวงฯ ชี้แจงว่าตนถูกตบทรัพย์ห้าล้านบาทและในหนังสือฉบับดังกล่าวก็ยังระบุว่านายภาดลฯ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ก็ถูกตบทรัพย์ 10 ล้านบาทจากเบอร์โทรศัพท์เดียวกันกับนายศักดาฯ ซึ่งเป็นเบอร์โทรศัพท์ของผม แต่นายภาดลฯ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ ได้ให้การต่อ ปปช.และเบิกความต่อศาลฎีกาว่านายภาดลฯ ไม่เคยถูกผมตบทรัพย์ 10,000,000 บาท

ผมเชื่อว่านี่คือมูลเหตุจูงใจที่นายศักดาฯ มากล่าวหาผม เพราะผมได้ตรวจสอบเจอทุจริตของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จึงต้องปั้นแต่งเรื่องตบทรัพย์ขึ้นมาเพื่อไม่ให้ผมตรวจสอบต่อเพราะหากผมตรวจสอบพบทุจริตของกรมกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายศักดาฯ ซึ่งเป็นอธิบดีและพวกก็จะเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

สรุปในคดีนี้มีประจักษ์พยาน ฝั่งโจทก์เพียงปากเดียวคือนายศักดาฯ และนายศักดาฯ มีสาเหตุโกรธเคืองกับข้าพเจ้าและมีพยานยืนยัน คือ พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง และนายชาดา ไทยเศรษฐ์ เบิกความต่อศาลเรื่องสาเหตุโกรธเคืองของนายศักดาฯ อีกทั้งนายศักดาฯ ให้การไม่อยู่กับร่องกับรอย ให้การขัด
แย้งกับตนเอง และพยานอื่นในคดีอีกหลายปาก อีกทั้งยังโกหกแปดครั้งในสำนวนคดี ในการแถลงข่าวในครั้งนี้ ผมจะขออธิบายสาเหตุ โกรธเคืองของนายศักดาฯ และอธิบายการโกหกของนายศักดาฯ

ล่าสุด อดีต.ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ได้ใช้สิทธิ์ฟ้องนายศักดาฯ 4 คดีคือ
1.มาตรา 162 (1)(4) เรื่องรายงานเท็จต่อผู้บังคับบัญชาขณะนี้อยู่ที่ศาลทุจริตกลาง
2.หมิ่นประมาทที่ศาล จ.กาญจนบุรี
3.ให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน ที่ศาล จ.นนทบุรี
4.เบิกความเท็จ ที่ศาลอาญารัชดาฯ

ประเด็นที่ 2 : คณะกรรมการปปช. ไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตปี 2561 มาตรา 50 ในชั้นไต่สวนพยานของ ปปช.
อดีต.ส.ส.อนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ให้คณะกรรมการปปช.เรียกพยาน สามคนคือ 1.พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง 2.นายชาดาไทยเศรษฐ์ 3.นายจักรัตน์ พั้วช่วย แต่คณะกรรมการปปช.ก็ไม่ได้เรียกพยานทั้งสามปากที่ผมขอมาสอบปากคำ โดยอ้างเหตุผลว่าผมจงใจประวิงคดี ทั้งๆทีเหลือเวลาอีก 861 วัน จึงจะครบ ตามกฎหมายกำหนดคณะกรรมการ ปปช. ไม่ได้ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติประกอบและธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตปี 2561 มาตรา 50 คณะกรรมการ ปปช. จงใจปกปิดคำให้การของ ส.ส. ศรัณวุต ศรัณย์เกต ที่เป็นคุณกับจำเลย

ประเด็นที่ 3 : จะตั้งมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำโดยไม่ชอบ หลังจากนี้ผมจะตั้งมูลนิธิ เพื่อช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ที่ถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำโดยไม่ชอบ มูลนิธินี้จะจัดตั้งขึ้นมาเพื่อช่วยเหลือข้าราชการที่ ปฎิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของรัฐ แต่ถูกเจ้าหน้าที่จากองค์กรอิสระชี้มูลจนนำไปสู่คดีความและทำให้เขาต้องออกจากราชการและทำให้ชีวิตครอบครัวของเขาเสียหายอย่างมาก

ประเด็นที่ 4 : สำหรับสื่อมวลชนต่างๆที่ผมได้ฟ้องร้องไปผมยินดีจะถอนฟ้องให้สื่อมวลชนทุกแขนง โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปพูดถึงข้อเท็จจริงในคดีในฝั่งผมบ้าง ที่ผ่านมาผมไม่เคยมีโอกาสได้พูดข้อเท็จจริงในสำนวนคดีเลย แต่สื่อมวลชนต่างๆก็ได้เอาข่าวผมไปออกเหมือนผมเป็นผู้กระทำผิดไปแล้ว ซึ่งไม่เป็นธรรมกับผมอย่างยิ่ง